วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ แบบโชค บูลกุล


วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 11:36
โดย : ณัฐสุดา เพ็งผล

สูตรผสาน การคิดแบบเด็กที่มีพลังของจินตนาการและความสร้างสรรค์กับการลงมือปฏิบัติอย่างผู้ใหญ่ (มืออาชีพ) ถือเป็นวิธีคิดที่ลงตัวสไตล์ โชค บูลกุล

“เด็กมีข้อดี คือ ความไม่รู้และมีจินตนาการเยอะ เวลาคิดจึงไม่ได้มาจากสิ่งที่เรียน แต่คิดจากจินตนาการ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากเพราะมีความสร้างสรรค์ แตกต่าง และไม่เหมือนใคร ผมชอบคิดแบบนี้ แต่ตอนลงมือทำ ต้องทำแบบผู้ใหญ่ เพื่อให้มีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ไม่ล่องลอย” คือ คำบอกเล่าของ "โชค บูลกุล" กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย

โชคเล่าว่า การคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ของเขา เริ่มใช้ตั้งแต่เข้ามารับช่วงกิจการต่อจากผู้เป็นพ่อ โชคชัย บูลกุล ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจฟาร์มโชคชัยในปี 2535 หลังจบการศึกษาใหม่ๆ ภายใต้ภารกิจสำคัญ พลิกสถานการณ์ของฟาร์มโชคชัยจากขาดสภาพคล่องและมีปัญหาหนี้สินให้เดินต่อไปได้

ยามนั้นถือเป็นยามคับขัน แต่สำหรับเขา โจทย์การทำธุรกิจ เปรียบเสมือนลูกบอลกลมๆ ถ้าทุกคนมองด้านเดียว เราก็เห็นด้านเดียว และทุกอย่างในโลกล้วนมีคำตอบ ขึ้นอยู่กับว่าจะเห็นหรือไม่ ซึ่งการคิดแบบเด็ก กระตุ้นให้เกิดมุมมองนี้ได้ดี

"การเปิดจินตนาการให้คิดแบบเด็ก ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยวิธีการลอกเลียนแบบ หรือเห็นอะไรแล้วต้องทำตาม แต่เกิดจากการสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการให้เกิดขึ้น" โชคกล่าว

ตามความคิดของโชค คนเป็นเถ้าแก่ ไม่มีอะไรมากกว่านั่งสังเกตและตั้งคำถาม แล้วนำสิ่งที่ได้มาสร้างเป็นหลักการของตนเอง

“ธุรกิจเป็นเรื่อง 360 องศา เถ้าแก่จึงไม่ได้เริ่มต้นจากฟังสัมมนาแล้วจดบันทึก หรือไปก็อปปีใคร และต้องมีมิติไม่เหมือนผู้ถูกออกคำสั่งหรือผู้ถูกว่าจ้าง”

ขณะที่การลงมือทำแบบผู้ใหญ่ หมายถึง การทำงานอย่างมืออาชีพ คือ วางแผนให้เป็น บริหารจัดการให้เป็น รวมถึงต้องมีวินัยและความรับผิดชอบ

วิธีคิดตามแบบฉบับของโชคช่วยพลิกสถานการณ์ฟาร์มโชคชัยให้กลับมาเดินต่อ สิ่งแรก คือ การพัฒนาพันธุ์วัวนมของฟาร์มโชคชัยให้มีศักยภาพที่ดีที่สุดในเอเชียเพื่อหาตลาดส่งออก

เมื่อสร้างตลาดได้ในระดับหนึ่ง จึงเริ่มส่งไปแข่งกับวัวนมที่มาจากสองประเทศคู่แข่งสำคัญ อย่างนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย

“ข้อดีของวัวเรา คือ วัวที่เกิดในท้องถิ่นเอเชีย ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้ดีกว่าวัวนมฝรั่งจ๋า ตรงนี้ทำให้เกิดตลาด และเป็นเงินก้อนแรกที่เกิดจากการทำตลาดแบบบลู โอเชียนที่ต่อยอดจากการค้นคว้าการวิจัยในยุคของผม”

เมื่อจิ๊กซอว์ตัวแรก จากหลักคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่สำเร็จ ก็ขยายผลทันทีสู่จิ๊กซอว์อีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดสู่ธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์ด้านอาหารวัวนม เพราะมองว่า การที่ฟาร์มโชคชัยเป็นลูกค้ารายใหญ่ในการสั่งซื้อสินค้าประเภทนี้อยู่แล้ว หากมีโรงงานเป็นของตัวเองจะลดภาระเรื่องต้นทุน ทั้งเป็นตัวกระตุ้นการขาย เนื่องจากเกษตรกรมองฟาร์มโชคชัยเป็นแบบอย่าง เมื่อสินค้าตัวนี้ดีพอสำหรับฟาร์มโชคชัย ก็น่าจะดีพอสำหรับเกษตรกรด้วย

รวมไปถึงจินตนาการที่จะทำอย่างไรให้ฟาร์มโชคชัยเปิดกว้างมากขึ้น และสิ่งที่โชคคิดและลงมือ คือ นำของจริงที่ทำและขายอยู่ภายในฟาร์มทั้งหมด มาสร้างเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยว

เนื่องจากน้อยคนนักจะได้สัมผัสชีวิตในฟาร์มที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ เรียกได้ว่า ตลอดสองชั่วโมงครึ่ง จะได้สัมผัสทุกอย่างภายในฟาร์มตั้งแต่รีดนมวัวด้วยตัวเอง ขั้นตอนการผสมพันธุ์วัว การผลิตผลิตภัณฑ์นม ฯลฯ ควบคู่ไปกับบริการที่เกินความคาดหมายในเรื่องความสะดวกสบาย อาหารที่ดี

เช่น บริการด้านแคมปิงจำนวน 50 หลัง ซึ่งไอเดียเกิดจากจินตนาการของลูกค้ากลุ่มคอร์ปอเรทกับนักธุรกิจที่ต้องการคืนสู่ธรรมชาติอย่างมีดีไซน์และสะดวกสบาย ทั้งจากเครื่องปรับอากาศและบริการไวไฟ อินเทอร์เน็ตที่ติดตั้งไว้ทั่วทั้งพื้นที่

โชคบอกว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการด้านท่องเที่ยว ในฟาร์มมีคนเข้ามาปีละ 3 แสนคน ส่วนใหญ่ไม่ใช่เกษตรกร แต่เป็นคนที่ต้องการเติมเต็มด้านจินตนาการที่ต้องการมาสัมผัสกับบรรยากาศของฟาร์มว่า ของจริงเป็นอย่างไร เหมือนในทีวีหรือไม่

“ทั้งหมดเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ เป็นวิธีการแบรนดิ้งได้ดีกว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และจะเป็นสิ่งที่ติดตัวลูกค้าไปอีกนาน ประเด็นอยู่ที่ว่า เราต้องมองเรื่องบริการให้ออก ซึ่งต้องเป็นการทำงานแบบผู้ใหญ่”

กระนั้น แม้จินตนาการหรือไอเดียจะบรรเจิดแค่ไหน หากไม่มาพร้อมกับตรรกะ คือ สามารถนำจินตนาการหรือไอเดียมาเปลี่ยนแปลงให้เป็นหลักการได้ก็เปล่าประโยชน์ การวัดความเป็นไปได้ในเรื่องนี้สำหรับโชค คือ จัดอันดับขั้นตอนการทำตามหลักการที่วางไว้

หากความคิดนั้นผ่านหลักเกณฑ์ทั้งหมด ก็เดินเครื่องสานต่อทันที อย่างกรณี อืมม..มิลค์ ผลิตภัณฑ์นมสด ในรูปแบบหลากหลาย อาทิ ท็อฟฟี่ ไอศกรีม นมอัดเม็ด ฯลฯ ที่ปัจจุบันเป็นดาวดังของฟาร์มโชคชัย มีกำลังผลิตถึงเดือนละ 3 พันตัน

จุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โชคต้องการสร้างให้เห็น out put ของสินค้าหลังมีโรงงานผลิตนม ไม่ได้คิดว่า จะฮอตฮิตติดลมบนจนเกิดกระแสถามหา และมีคนขับรถจากจังหวัดอื่นๆ มาซื้อถึงปากช่อง

ขณะเดียวกัน หากความคิดใดไม่สามารถผ่านเกณฑ์ได้ทั้งหมด แสดงว่า ความคิดนั้นอาจไม่ได้ผลจริงทางธุรกิจ โชคพร้อมจะยุติการลงมือทำความคิดนั้นทันที

หลักบริหารภายใต้แก่น คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ โชคไม่ฟันธงว่า เหมาะหรือไม่กับการนำมาใช้ฝ่าภาวะวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ เนื่องจากทุกคนและทุกธุรกิจ มีวิธีคิด ตลอดจนรูปแบบการดำเนินงานแตกต่างกัน

แต่แนวคิดดังกล่าวช่วยพลิกฟื้นสภาพธุรกิจของฟาร์มโชคชัย จากที่เคยขาดสภาพคล่องและมีปัญหาหนี้สินกลับมามีผลกำไรและขยายงานได้อย่างต่อเนื่อง

พิสูจน์ได้จากธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเติบโตในเชิงจำนวนลูกค้า 12% และเชิงรายได้โต 17% ขณะที่ผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ล้วน "ติดลบ"

Source: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/hr/20090223/18754/คิดแบบเด็ก-ทำแบบผู้ใหญ่-แบบโชค-บูลกุล.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น